สัจจะแห่งชีวิต โดย นายวิรัช บัวบาน ครูโรงเรียนวัดไผ่หูช้าง
วันนี้ข้าพเจ้าตื่นเช้าเฉกเช่นทุกวัน แต่วันนี้จะพิเศษกว่าวันอื่น ๆ เพราะเป็นวันสำคัญอันยิ่งใหญ่ของผู้ที่ได้รับขนานนามว่า “แม่พิมพ์ของชาติ ” อาชีพที่ได้รับการยกย่องเทิดทูนจากสังคมว่า มีเกียรติ และเสียสละ ทั้งแรงกาย และแรงใจ อาชีพที่ข้าพเจ้าใฝ่ฝันมาตั้งแต่เริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อันเกิดจากแรงบันดาลใจ และประทับใจครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ท่านมีแต่ความเมตตา ปรานี ใจดี ใจเย็น เรียบร้อยและสุภาพไม่ต่างไปจากชื่อของท่าน “ นายสุภาพ ฤทธิญาณ “ คุณครูที่เป็นแบบอย่างของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจดจำไม่มีวันลืมเลือน...
ในวันที่ 16 มกราคม ของทุก ๆ ปี ข้าพเจ้าจะเข้าร่วมงานวันครูทุกครั้ง ไม่เคยขาด นอกจากจะได้ร่วมพิธีบูชาครูแล้ว ยังได้มีโอกาสพบปะเพื่อนเก่าๆ ที่เคยทำงานร่วมกัน แต่ก็แยกย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่น ๆ แต่ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง... วันนี้ข้าพเจ้าขึ้นเวทีรับเกียรติบัตร “ ครูดีในดวงใจ” เป็นครูเพียงคนเดียวของโรงเรียนที่ข้าพเจ้าทำการสอนอยู่ วันครูปีนี้จึงพิเศษกว่าวันครูของทุกปี ข้าพเจ้าอยู่ร่วมงานจนกระทั่งงานเลิก ....ข้าพเจ้าให้สัจจะกับตัวเองว่า จะเข้าร่วมงานวันครูทุกครั้ง ตราบใดที่ยังคงดำรงอาชีพครู เมื่อนึกถึงคำว่า”สัจจะ” ข้าพเจ้าอดหวนคิดถึงวันวานที่ผ่านมาในเยาว์วัยของข้าพเจ้าที่ยังเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ได้เคยให้สัจจะกับมารดาของข้าพเจ้า ว่า ถ้าข้าพเจ้ามีโอกาสศึกษาต่อในชั้นมัธยมข้าพเจ้าจะเป็นคนดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่สูบบุหรี่ ขยันเรียน ไม่เที่ยวเตร่ ข้าพเจ้าจะต้องทำในสิ่งที่ให้สัจจะไว้ให้ได้ จึงจะได้มีโอกาสศึกษาต่อในชั้นที่สูงขึ้น หากปฏิบัติไม่ได้ตามสัจจะที่ให้ไว้ ก็จบอนาคตไว้เพียงแค่นั้น ..ตราบวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ สัจจะที่ให้ไว้กับแม่ ข้าพเจ้าก็ยังรักษาไว้มั่นคงเสมอ แม้วัยได้ล่วงเลย 50 ปี หรือแม้วันนี้จะไม่มีมารดาแล้วก็ตาม ... สัจจะที่แทรกซึมเข้าสู่จิตวิญญาณของข้าพเจ้า ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับลัง จะมีใครเห็นหรือไม่มีใครเห็นก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังคงปฏิบัติตามสัจจะที่ให้ว่ากับมารดาของข้าพเจ้าเสมอมา...
เมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้ามาสู่อาชีพครู ข้าพเจ้ามุ่งมั่นที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน ด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สั่งสอนนักเรียนทุกเวลา หรือสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ในระหว่างการเรียนการสอนทุกครั้ง ข้าพเจ้าไม่คาดหวังว่านักเรียนทุกคนจะปฏิบัติตามที่ข้าพเจ้าสั่งสอน หากแต่นักเรียนเพียงหนึ่งหรือสองคนปฏิบัติตามก็ถือได้ว่า ประสบความสำเร็จแล้ว ข้าพเจ้ามักจะบอกแก่ลูกศิษย์ของข้าพเจ้าอยู่เสมอว่า คนเราต้องรักษาสัจจะ ข้าพเจ้าเป็นผู้ให้โอกาสแก่นักเรียนอยู่เสมอในการแก้ไขความผิดพลาดของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การชักต่อยกันในโรงเรียน มาโรงเรียนสาย แต่งกายไม่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งการสูบบุหรี่ในโรงเรียน เพียงแต่ให้สัจจะคำมั่นว่าจะไม่ทำพฤติกรรมเช่นนั้นอีก และเมื่อให้สัจจะแล้วต้องหักห้ามใจและประพฤติให้ได้ตามสัจจะที่ให้ไว้ ...........
![]() สัจจะว่าจะนั่งกรรมฐานเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เราจะต้องนั่งปฏิบัติกรรมฐาน ภาวนา และอดทนต่อการเจ็บปวดหัวเข่า จนครบเวลา 1 ชั่วโมง หากเราไม่สามารถนั่งกรรมฐานได้ครบ 1 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเสียสัจจะไปแล้ว พระราชสุทธิญาณมงคล หรือ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ท่านได้เทศนา กล่าวย้ำเสมอว่า “ผู้ที่เสียสัจจะที่ให้ว่า มักจะไม่ประสพความสำเร็จในการทำกิจการต่าง ๆ ฉะนั้นเมื่อให้สัจจะแก่สิ่งใดไว้ จะต้องพยายามทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้จงได้” ข้าพเจ้าจึงได้ยึดถือคำสอนของหลวงพ่อจรัญ มาเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต ทั้งการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือ การดำเนินชีวิตเมื่อพ้นเวลาราชการไปแล้ว หากมีใครถามข้าพเจ้าว่า ลำบากมากน้อยเพียงใดในการที่จะรักษาสัจจะที่ให้ไว้ ข้าพเจ้าก็จะตอบว่า ไม่ลำบากสักนิด หากตัวเราเองนั้นมีความมุ่งมั่นและอดทนต่อสิ่งต่าง ๆ อันจะเป็นอุปสรรคที่จะทำให้เราไม่รักษาสัจจะไว้ได้ ข้าพเจ้าระลึกอยู่เสมอว่า การทำดีต้องฝืนใจ ต้องเอาชนะใจตัวเอง อย่าตามใจตัวเอง แม้จะเหน็ดเหนื่อยสักเท่าไร ก็จะต้องอดทน ตั้งแต่จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา จนจวบจนกระทั่งบัดนี้ สิ่งที่ต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิต มีทั้งสิ่งยั่วยวน เย้ยหยัน ต่าง ๆนานา แต่ข้าพเจ้าก็สามารถผ่านพ้น สิ่งต่าง ๆ มาด้วยดี เพราะการมีสัจจะที่ข้าพเจ้าให้ไว้แก่ มารดาของข้าพเจ้า มีบ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ที่มีคน กล่าวชมตัวข้าพเจ้าซึ่งหน้า เช่น ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปงานฌาปนกิจศพในหมู่บ้าน ชาวบ้านกล่าวชมข้าพเจ้าว่า “ ตั้งแต่ครูมาอยู่ที่บ้านไผ่หูช้างนี้ ครูวางตัวดี ไม่มี เรื่องเสียหาย และครูทุ่มเทกับการสอน นักเรียนเป็นอย่างมาก ดีกว่าผู้อำนวยการ โรงเรียนเสียอีก ” ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันใจ แต่ไม่ต้องการให้นำข้าพเจ้าไปเปรียบกับ บุคคลอื่น ข้าพเจ้าจึงพูดปัดไปว่า ” ผมก็ทำตามหน้าที่ของความเป็นครูละครับ ครูท่านอื่นก็ดีเท่ากันทุกคนละครับ”
|